ยุคนี้การออกกำลังกายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในหมู่หนุ่มๆ สาวๆ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่คนวัยนี้หันมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยการออกกำลังกายที่มักนิยมกันนั้นก็คือ การวิ่ง นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันไม่ต้องออกไปวิ่งไกลๆ แล้วเพราะสามารถวิ่งบนลู่วิ่งได้เลยไม่จำเป็นต้องออกไปตากแดดตากฝนข้างนอก ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งหากใครกำลังหาซื้อเจ้าตัวนี้อยู่ก็ตามมาเช็ควิธีการเลือกกันได้เลย
5 วิธีการเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ให้ถูกต้องและเหมาะสม
1. เลือกตามลักษณะการใช้งาน
อันดับแรกก่อนที่จะตัดสินใจชื้อแน่นอนว่าเราต้องมองถึง ลักษณะการใช้งาน ก่อนว่าเราชอบออกกำลังแบบไหน สไตล์ไหน ที่สำคัญคือเพื่อจุดประสงค์ใด
โดยเราสามารถจำแนกลักษณะการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
• ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ = เหมาะกับลู่วิ่งขนาดเล็ก หรือลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีพลังมอเตอร์เทียบเท่า 2 HP
• ฝึกซ้อมวิ่งเพื่อเพิ่มทักษะ = เหมาะกับลู่วิ่งโค้ง หรือวิ่งลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีพลังมอเตอร์เทียบเท่า 4 HP หรือสูงกว่าขึ้นไป
2. เลือกตามมอเตอร์
มอเตอร์ ถือเป็นส่วนสำคัญของ ลู่วิ่งไฟฟ้า ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงานของสายพาน และส่งกำลังเพื่อรองรับระดับความเร็ว โดยมีหน่วยเป็น HP หรือแรงม้า ( Horsepower ) มอเตอร์จะมี 2 รูปแบบ ดังนี้
• AC มอเตอร์ระดับอุตสาหกรรม รองรับการใช้งานแบบต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เหมาะกับลักษณะการใช้คงที่ในรูปแบบยิม หรือ Commercial
• DC มอเตอร์พื้นฐานสำหรับลู่วิ่ง ใช้งานในรูปแบบ Home – use ซึ่งมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความแม่นยำและมีขนาดที่เล็กกว่า AC
2.1. ความแรงของมอเตอร์
ความเร็วสูงตั้งแต่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป มอเตอร์จะส่งกำลังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และในความเร็วที่ 1 – 7 มอเตอร์จะผ่อนแรงและไม่ได้ส่งกำลังเต็มที่เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
• 1 – 2 แรงม้า เหมาะกับการเดินเพื่อสุขภาพหรือวิ่งเบาๆ
• 3 – 6 แรงม้า เหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายลดน้ำหนักอย่างจริงจังในบ้าน หรือในคอนโด
• 7 แรงม้าขึ้นไป เหมาะกับการใช้งานในยิมหรือฟิตเนส และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกซ้อมวิ่งในรูปแบบนักกีฬามืออาชีพ
2.2. ความเร็วของมอเตอร์
ความแรงและความเร็วของมอเตอร์เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน ยิ่งมอเตอร์มีแรงม้าสูงๆ ก็สามารถเลือกปรับระดับความเร็วได้สูง แต่ทั้งนี้บางคนก็ไม่ใช้ความเร็วสูงๆ ในระดับ 15 ขึ้นไป เนื่องด้วยในเรื่องของความปลอดภัยและทักษะในการวิ่ง ดังนั้นจึงควรเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่มีระดับความแรงที่ตอบโจทย์ตามการใช้งานมากกว่าที่จะเลือกลู่วิ่งที่ให้ระดับความเร็วสูงๆ ไว้ก่อน
• ความเร็ว 0 – 6 กิโลเมตร / ชั่วโมง เหมาะสำหรับการเดินเร็วๆ เพื่อสุขภาพ และลดน้ำหนัก
• ความเร็ว 7 – 10 กิโลเมตร / ชั่วโมง เหมาะสำหรับการวิ่งพื้นฐาน ไปจนถึงสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
• ความเร็ว 11 กิโลเมตร / ชั่วโมง ขึ้นไป เหมาะสำหรับการวิ่งฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มทักษะในการแข่งขัน
2.3. ระดับความชันของสายพาน
สำหรับระดับความชันของสายพานจะจำลองการเดินและวิ่งขึ้นเขา ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ยังไม่พร้อมกับการวิ่ง โดยจะช่วยทำให้สามารถออกแรงเผาผลาญได้เพิ่มมากขึ้น
• ระดับ 1 – 10 เหมาะสำหรับการเดินเพื่อเผาผลาญแคเลอรี
• ระดับ 11 ขึ้นไป เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมวิ่งขึ้นเขา และการแข่งวิ่งเทรล
3. เลือกตามขนาด
ส่วนประกอบของขนาด ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษมี ดังนี้
• พื้นที่สายพาน ( พื้นที่วิ่ง ) จะต้องมีความยาวเกินกว่าช่วงขาในขณะวิ่ง ไม่เช่นนั้นอาจมีโอกาสที่จะหลุดจากลู่ล้มลงและอาจเกิดอันตรายได้
• พื้นที่พักเท้า จะต้องมีขนาดที่กว้างพอ หรือวางเท้าแล้วให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
• เสาลู่วิ่ง ( อยู่ตรงบริเวณราบจับด้านข้าง ) จะต้องมีความแข็งแรงเหมาะสมรับกับสรีระของผู้ใช้งาน ยิ่งมีความหนาและใหญ่ หรือวัสดุที่ได้คุณภาพยิ่งดีต่อผู้ใช้งาน
• รองรับน้ำหนักตัว ข้อนี้สำคัญมากเพราะจะต้องใช้น้ำหนักของผู้ใช้งานเป็นตัวกำหนด จึงควรเลือกลู่วิ่งที่รองรับน้ำหนักตัวที่มากกว่าน้ำหนักจริง 10 กิโลกรัมขึ้นไป เพื่อความมั่นคงในการใช้งานระยะยาว
4. เลือกดูจากความปลอดภัย
คราวนี้มาดูกันที่เรื่องของระบบความปลอดภัยของลู่วิ่งกันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลต่อสุขภาพเข่า และข้อเท้าของผู้ที่เคยมีอาการบาดเจ็บมากก่อน โดยทั่วไปแล้วลู่วิ่งไฟฟ้า จะต้องมี “ระบบรับแรงกระแทก” เป็นพื้นฐาน ดังนั้นหากจะดูว่าลู่วิ่งไหนได้คุณภาพและสามารถใช้งานในระยะยาว ก็ต้องดูจากเทคโนโลยีหรือระบบรองรับแรงกระแทก อย่างเช่นต้องมีระบบโช้คหรือแผ่นซับแรงเพื่อช่วยรับแรงกระแทกโดยตรง และเพิ่มความยืดหยุ่นทำให้เดินและวิ่งได้อย่างนิ่มนวล ที่สำคัญคือไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บในอนาคต
5. เลือกจากพื้นที่จัดวาง
สุดท้ายเลือกตามขนาดพื้นที่ที่เราจะนำไปวาง โดยลู่วิ่งไฟฟ้า ที่สามารถพับเก็บได้หรือสามารถตั้งแอบในมุมห้องได้จะเป็นลู่วิ่งที่มีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ส่วนลู่วิ่งที่มีโครงสร้างมั่นคงจะต้องยอมรับในเรื่องพื้นฐานการจัดวางที่ไม่สามารถพับเก็บได้และไม่สามารถเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ได้ จึงมีขนาดใหญ่ในรูปแบบ Commercial ซึ่งจะใช้ในยิมและฟิตเนสเท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ วิธีการเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาลู่วิ่งเพื่อการใช้ประโยชน์ในจุดประสงค์ต่างๆ แน่นอนว่าหากคุณเข้าใจตามคำแนะนำในวันนี้คุณจะสามารถนำไปใช้เลือกลู่วิ่งที่คุณต้องการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
อ่านบทความ 10 อันดับ เก้าอี้ซิทอัพ รุ่นไหนดี พับได้ น่าซื้อที่สุดในปี 2023