อุปกรณ์ออกกำลังกายพื้นฐานที่ต้องมีติดบ้านไว้ก็คือ ดัมเบล เป็นอุปกรณ์สำคัญในการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง พกพาสะดวก จัดเก็บง่าย เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด
ข้อดีของ ดัมเบล คือ ช่วยลดไขมันสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น หน้าอก แขน หน้าท้อง รวมไปถึงกล้ามเนื้อขาด้วย ดัมเบลเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก มือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นควรเลือกให้เหมาะกับร่างกาย เพื่อลดโอกาสของการบาดเจ็บได้ มาดูวิธีเลือกซื้อดัมเบลที่เหมาะกับผู้เล่น เพื่อความฟิตแอนด์เฟิร์มของร่างกายกันค่ะ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับดัมเบลกันก่อน อุปกรณ์ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะแขน ไหล่ หน้าอก หลัง หน้าท้องและขา มีหลากหลายรูปแบบ ผลิตจากวัสดุที่ต่างกัน มีการใช้งานต่างกันตามรูปแบบและความต้องการของผู้เล่น
วัสดุที่ใช้ทำดัมเบล
1. เหล็ก
ดัมเบล ส่วนใหญ่มักจะทำมาจากเหล็ก โดยเฉพาะแบบที่เปลี่ยนน้ำหนักได้ จุดเด่นคือมีความแข็งแรงทนทาน หาซื้อง่าย ข้อเสียคือเสียงดัง อาจมีการกระแทกกับพื้นได้ง่าย ควรปูพื้นด้วยยางฟิตเนส และเสี่ยงต่อการเกิดสนิทได้ง่ายกว่าชนิดอื่น
2. เหล็กหุ้มยาง
ดัมเบลที่ผลิตจากเหล็กแล้วหุ้มอย่างไว้ภายนอก ป้องกันการเกิดเสียงดังและกระแทกกับพื้น แถมยังช่วยให้จับถนัดมือ ทำความสะอาดง่าย ลดการเกิดสนิม ราคาอาจสูงกว่าดัมเบลเหล็กทั่วไป
3. ยางหรือพลาสติก
ส่วนมากใช้ผลิตดัมเบลที่ปรับน้ำหนักไม่ได้ มักทำมาจากพลาสติกหรือ PVC ทำความสะอาดง่าย โดนน้ำได้ มีขนาดเล็ก หาซื้อง่าย
5 วิธีเลือกซื้อดัมเบลที่เหมาะกับผู้เล่น เพื่อความฟิตแอนด์เฟิร์ม
1. เลือกให้สอดคล้องกับรูปแบบของการออกกำลังกาย
เลือกซื้อดัมเบลให้เหมาะกับรูปแบบของการออกกำลังกายที่ต้องการ เช่น เป็นเซตแบบต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อควรเลือกดัมเบลเป็นเซต มีหลายขนาดในชุดเดียว เพื่อตอบโจทย์การเล่นที่เข้มข้นมากขึ้น
2. เลือกที่ประเภทของดัมเบล
ดัมเบล จะมีทั้งหมด 2 ประเภท ทั้งแบบเหมาะกับผู้เริ่มต้น รวมถึงผู้ที่ฝึกเวทเทรนนิ่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
ดัมเบลแบบปรับน้ำหนักไม่ได้ เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย เน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมากกว่าการเพิ่มขนาด มีให้เลือกตั้งแต่ 1 กิโลกรัม 1.5 กิโลกรัม 2 กิโลกรัม หากฝึกไปนานๆแล้วสามารถเพิ่มน้ำหนักขึ้นได้เรื่อยๆตามความต้องการ
ดัมเบลแบบปรับขนาดได้ เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถตั้งโปรแกรมเวทเทรนนิ่งให้กับตัวเองได้ โดยจะลดหรือเพิ่มขนาดได้ตามความต้องการ เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายด้วยดัมเบลต่อเนื่องเป็นเวลานาน
3. เลือกจากน้ำหนัก
ดัมเบลเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่มีน้ำหนักให้เลือกหลายระดับ ควรเลือกตามความสามารถของตัวเองเพื่อลดโอกาสของการบาดเจ็บ สำหรับผู้ชายที่เริ่มต้นควรเริ่มที่น้ำหนัก 5-10 กิโลกรัม ผู้หญิงควรเริ่มที่น้ำหนัก 2-3 กิโลกรัม เลือกให้ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป เพราะหากเบาเกินไปอาจทำให้ออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ เมื่อฝึกไปได้สักระยะหนึ่งแล้วจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเริ่มแข็งแรงขึ้น ค่อยๆเปลี่ยนให้มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นประมาณร้อยละ 25 ของน้ำหนักเดิม ไม่ควรฝึกโดยให้มีน้ำหนักมากเกินไป เพราะร่างกายอาจรับไม่ไหวจนเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้
4. เลือกจากวัสดุ
วัสดุที่ใช้ผลิตดัมเบลก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเลือกดัมเบลให้เหมาะกับเรา เพราะส่งผลต่อการใช้งานและการเก็บบำรุงรักษา บ้านไหนที่มีเด็กหรือผู้สูงวัย ดัมเบลเหล็กที่มีการกระทบกับพื้นเสียงดังอาจไม่เหมาะ เพราะฉะนั้นต้องดูสภาพแวดล้อมภายในบ้านร่วมด้วย
5. เลือกจากพื้นที่การจัดเก็บ
หากบ้านใครพอมีพื้นที่ อาจเลือกดัมเบลเป็นเซตที่มาพร้อมกับชั้นวางเพื่อให้จัดวางในบ้านได้สะดวก แต่หากมีพื้นที่น้อยควรเลือกดัมเบลเป็นชุดที่มีกระเป๋าสำหรับจัดเก็บ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่ในบ้าน หรือถ้าใครชอบไปออกกำลังกายนอกบ้าน ก็ควรเลือกแบบที่สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
เมื่อรู้วิธีเลือกดัมเบลให้เหมาะกับร่างกายแล้ว ก็ควรเลือกซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ มีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำจะได้ช่วยเพิ่มการตัดสินใจให้เราได้อีกแรง ถือเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายอีกชนิดหนึ่งที่คนมีติดบ้านไว้ นอกจากจะทำให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มทุกสัดส่วนแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อง่าย ราคาถูก มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นให้เลือกกันเลยทีเดียว
อ่านบทความ 10 จักรยานออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี ควรซื้อ ปี 2022
เครดิตภาพทั้งหมดจาก www.canva.com