ออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ว่าทำยาก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายมาวางไว้เฉยๆ แต่ไม่มีเวลาว่างหรือว่าขี้เกียจ ผัดวันประกันพรุ่ง คิดเสมอว่าพรุ่งนี้ค่อยออกก็ได้ หรือพรุ่งนี้ค่อยลดน้ำหนักก็ได้ เรามีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนความคิดของคุณ ให้หันมาสนใจและจริงจังกับการดูแลตัวเองมากขึ้น

เราอยู่ในยุคที่มีเทรนเนอร์ออนไลน์ หรือคนสอนออกกำลังกายทางโซเชียล จึงทำให้เรากำหนดเวลาและจัดการตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนกับการไปฟิตเนสที่มีเทรนเนอร์คอยคุมอยู่ข้างๆ จนทำให้บางครั้งรู้สึกขี้เกียจ กลัวเมื่อยล้า วันนี้ไม่ทำแล้ว ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้ ซึ่งการคิดแบบนี้จะทำให้การออกกำลังกายของเราไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นจึงต้องมีวิธีเปลี่ยนความคิดสำหรับคนขี้เกียจ ให้กลายเป็นคนขยันออกกำลังกาย จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
1. หา passion ในการ ออกกำลังกาย

คำว่าหมด passion ก็สามารถนำมาใช้กับการออกกำลังกายได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องหาแรงจูงใจหรือกำหนดเป้าหมาย ค้นหาวิธีออกกำลังกายที่เราชอบ จะทำให้ไม่เกิดอาการเบื่อและเลิกทำไปในที่สุด
หากคุณเป็นคนชอบออกกำลังกายนอกบ้าน แต่ไม่ชอบวิ่ง รู้สึกว่าการวิ่งแล้วมันเหนื่อยเกินไป ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นปั่นจักรยานดูได้ พยายามหาสถานที่ต่างๆที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำกันทุกวัน จะช่วยให้ไม่เบื่อ เพราะการออกกำลังกายจะต้องรู้สึกสนุกไปด้วย ลองทำหลายๆสิ่งจนกว่าจะเจอสิ่งที่ชอบดูนะคะ
2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นด้วยวิธีไหน ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างเทรนเนอร์ดูก็ได้ค่ะ เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกกำลังกายได้ถูกต้อง ตรงจุด และช่วยจัดตารางเวลาให้เราได้ ทำให้เรามีวินัยและไม่ต้องกังวลเรื่องของการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายด้วย
3. มีไอดอล
การมีไอดอลที่เป็นแบบอย่างในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น อย่างตอนนี้ที่กำลังมาแรงเลยก็คือคุณเบเบ้ นักแสดงสาวสวยหุ่นดี ที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังมีคลิปวีดีโอสอนเทคนิคการออกกำลังกายง่ายๆ ให้ผู้ที่สนใจทำตามด้วย

4. การทำคาดิโอผสมเวทเทรนนิ่ง
เป็นวิธีการออกกำลังกายที่จะช่วยให้เราไม่รู้สึกเบื่อง่าย หรือเมื่อยล้า เพราะสามารถทำสลับปรับเปลี่ยนกันไปได้ในแต่ละวัน มาทำความรู้จักกับคาดิโอและเวทเทรนนิ่ง เพื่อให้เข้าใจการออกกำลังกายกันมากขึ้นกันค่ะ
คาดิโอ เป็นวิธีที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ ทำให้เราไม่เหนื่อยง่ายจนเกินไป การทำคาดิโอที่นิยมได้แก่ การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอโรบิค วิธีเหล่านี้จะทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยหอบ สามารถทำได้บ่อยๆโดยไม่เบื่อ
เวทเทรนนิ่ง เป็นการทำให้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกายแข็งแรง จะช่วยส่งเสริมให้การทำคาดิโอมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น หากทำคาดิโอด้วยการปั่นจักรยานแล้วรู้สึกเมื่อยขา การเวทเทรนนิ่งที่กล้ามเนื้อขา จะทำให้ขาแข็งแรง ช่วยให้ปั่นจักรยานได้นานขึ้น

5. ใช้วิธีการ ออกกำลังกาย ที่ลดแรงกระแทก สำหรับคนอ้วน
คนที่มีน้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์ หากไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง รู้สึกเหนื่อยง่าย เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กลุ่มคนอ้วนล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกกำลังกาย แต่หากเลือกวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้
การเดิน เป็นกิจกรรมที่ใช้แรงน้อย แต่ช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดี สร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
ปั่นจักรยาน เพิ่มความฟิตของร่างกายและกล้ามเนื้อ การปั่นจักรยานจะช่วยให้กล้ามเนื้อของร่างกายมีการขยับทุกส่วน ทำให้เผาผลาญไขมันได้ดี
โยคะสำหรับคนอ้วน ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น อาจรู้สึกเมื่อยล้าในช่วงแรกๆ แต่หากทำไปเรื่อยๆจะรู้สึกชิน และสามารถออกกำลังกายแบบอื่นๆได้มากขึ้น
ว่ายน้ำ น้ำจะช่วยพยุงตัวเราไว้ สามารถลดแรงกระแทกและการบาดเจ็บได้ การออกกำลังกายในน้ำจึงเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก

6. ทำอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน
การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน ควรทำอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แล้วแต่กิจกรรมที่ทำ ในทางกลับกัน การออกกำลังกายติดต่อกันทุกวันอย่างหนัก อาจทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่องจากระบบภายในร่างกายที่ทำงานหนักจนเกินไป ภาวะกล้ามเนื้อสลายจากการใช้กล้ามเนื้อมากๆ เพราะฉะนั้น ควรมีระยะเวลาและการกำหนดวันอย่างชัดเจน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ดี
การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยนะคะ เพียงแค่เราตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะมีสุขภาพที่ดี เชื่อเถอะค่ะว่าการสละเวลาตรงนี้แค่ไม่นาน แค่ผลตอบรับที่ได้มันคุ้มมากๆเลย
อ่านบทความ เริ่มต้นออกกำลังกายออกอย่างไรให้ถูกวิธี
ภาพจาก www.canva.com