ไขมันหน้าท้อง หรือที่เราเรียกกันว่า พุง เป็นไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย คนที่มีน้ำหนักตัวน้อยก็มีพุงได้เหมือนกัน การมีไขมันบริเวณหน้าท้องมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย เป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ
ไขมันรอบเอว หรือ ไขมันหน้าท้อง เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พฤติกรรมการกินอาหาร พันธุกรรม การที่ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดโรคต่างๆที่เป็นอันตรายกับสุขภาพตามมาได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็งลำไส้ วิธีที่จะลดไขมันหน้าท้องทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
รอบเอวเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าไม่ลงพุง
หากอยากรู้ว่าตัวเองมีไขมันหน้าท้องมากขนาดไหน สามารถวัดได้จากรอบเอว สำหรับผู้ชายรอบเอวไม่ควรเกิน 36 นิ้วหรือ 90 เซนติเมตร ผู้หญิงรอบเอวไม่ควรเกิน 32 นิ้วหรือ 80 เซนติเมตร หากมากกว่านั้นอาจเสี่ยงต่อภาวะอ้วนลงพุงได้
ไขมันหน้าท้องเกิดจากอะไร
สาเหตุของการมีไขมันหน้าท้องเกิดได้จากหลายปัจจัย คือ
พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน อาจมีแนวโน้มที่จะมีไขมันบริเวณหน้าท้องหรือเป็นโรคอ้วนลงพุงได้มากกว่าปกติ
ความเครียด เมื่อเราเกิดความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนของความเครียด ส่งผลต่อระบบเผาผลาญโดยตรง เนื่องจากความเครียดมีผลกับการทำงานของต่อมไร้ท่อ เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เรากินอาหารมากขึ้น เพื่อไปบรรเทาความเครียด และนี่ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันสะสมจนกลายเป็นไขมันที่หน้าท้องนั่นเอง
พฤติกรรมการกินอาหาร ในปัจจุบันคนไทยนิยมกินอาหาร fast food กันมากขึ้น เพราะกินง่าย ใช้เวลาไม่นาน ไม่ยุ่งยาก แต่หารู้ไม่ว่าการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันเยอะ น้ำหวาน น้ำอัดลม จะส่งผลให้มีไขมันสะสมหน้าท้องได้ เนื่องจากอาหารพวกนี้จะไปขัดขวางการเผาผลาญของไขมัน เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันหน้าท้อง รวมถึงการกินอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่มากกว่าที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน แล้วไม่มีการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานออกไป ซึ่งพลังงานที่เราควรได้รับในแต่ละวันสำหรับผู้ชายคือ 2,000 กิโลแคลอรี่โดยประมาณ ส่วนผู้หญิงควรได้รับพลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี่โดยประมาณ
ไม่ออกกำลังกาย สอดคล้องกับหลายปัจจัยที่ผ่านมา การกินอาหารที่ให้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายต้องการได้รับในแต่ละวัน โดยที่ไม่ออกกำลังกาย จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมเป็นไขมันหน้าท้องได้ การออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินถือว่าจำเป็นอย่างมาก
วิธีลดไขมันหน้าท้อง ให้กลับมาแบนราบได้อีกครั้ง
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร
ค่อยๆปรับสมดุลอาหารในแต่ละมื้อ ควรมีโภชนาการอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ ธัญพืชขัดสีน้อย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ขนมขบเคี้ยว ชา น้ำอัดลม หากทำได้จะรู้สึกว่าร่างกายสะอาดขึ้น
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้องนั่นก็คือ การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการ cardio เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญไขมันเป็นหลัก อาศัยการขยับเขยื้อนของร่างกายทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น เมื่อระบบไหลเวียนเลือดมีการสูบฉีด ร่างกายก็จะต้องการออกซิเจนมากขึ้น รวมไปถึงต้องการน้ำตาลมากขึ้นด้วย น้ำตาลที่อยู่ตามกล้ามเนื้อจึงถูกนำมาใช้ ทำให้ลดการเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นไขมันได้
3. จัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นส่วนหนึ่งที่อาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อเกิดความเครียดควรหาวิธีบรรเทา เช่น นั่งสมาธิ ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเที่ยว
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตสารการเผาผลาญขณะนอนหลับ เพราะฉะนั้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายของเราเผาผลาญแคลอรี่ได้ดี
การกำจัดไขมันหน้าท้องทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพียงแค่เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ทั้งเรื่องอาหารการกิน การพักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญจะต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย แล้วเราจะกลับมามีหน้าท้องที่แบนราบ หุ่นฟิตปั๋งได้เหมือนเดิม
อ่านบทความเพิ่มเติม ลดพุงลดน้ำหนัก
เครดิตภาพทั้งหมดจาก www.canva.com